
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักและเข้าใจสาเหตุของทั้ง 3 สถานการณ์ก่อน
ไฟตก คือ แรงดันไฟฟ้าที่มาถึงเรา ต่ำกว่า 220V ทำให้เกิดความรำคาญขณะต้องการใช้ไฟ
ไฟเกิน คือ แรงดันไฟฟ้าที่มาถึงเรา มากกว่า 220V มันจะเกิดเป็นชั่วขณะเท่านั้น ไม่ทันทำอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าของเราสักเท่าไหร่
ไฟกระชาก คือ แรงดันไฟฟ้าที่มาขาดๆเกินๆ 220 v เนื่องจากกระแสไฟฟ้าเกินในช่วงขณะหนึ่งสูงๆ ซึ่งจะมีผลเสียกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ความต้านทานหรือขดลวด เช่น หลอดไฟ เตารีด หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำร้อน
สาเหตุ การเกิดไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก
ไฟตก เกิดจากสาเหตุ
- จำนวนบ้านใกล้เรือนเคียงมีมากขึ้น ทำให้แย่งกันใช้ไฟ
- บ้านอยู่ปลายสายส่ง อยู่ไกลจากต้นกำเนิดไฟ ทำให้แรงดันดรอปในสายลดลงเรื่อยๆตามระยะทาง
- เกิดก่อนไฟจะดับ
- ฝนตกหนัก
- มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังไฟสูง และมีการกระชากกระแสช่วงเริ่มต้นสูง เช่น สว่าน แอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้มอเตอร์หมุนรอบสูง
ไฟกระชาก เกิดจากสาเหตุ
- การเดินสายไฟที่ผิด หรือระบบไฟฟ้าที่ผันผวน
- สภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง
- การเปิด – ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟมากพร้อมๆกัน เช่น แอร์ ตู้เย็น มอเตอร์
จุดสังเกตว่าบ้านเราไฟตก !!!
- หลอดไฟไม่ค่อยติด หรือเปิดติดยาก หรือกระพริบถี่ ๆ
- หลอดไฟติดแต่สว่างน้อยลง
- ปั๊มน้ำไม่ทำงาน หรืออุปกรณ์มอเตอร์หมุนรอบสูงไม่ทำงาน และต้องรีบปิดหรือดึงปลั๊กออกทันที เมื่อเจอแบบนี้ ไม่งั้นจะเสียหายและเสี่ยงไฟไหม้
- แอร์ไม่ทำงาน
จะแก้ปัญหา ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ได้โดย
- ติดตั้ง Stabilizer (เครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ)
เครื่องสเตบิไลเซอร์ ทำหน้าที่ปรับแรงดันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ที่เข้ามาในย่าน 155-253V อัตโนมัติ ให้มีแรงดันคงที่ๆ 220V เพื่อให้สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ทำให้เกิดความรำคาญ ไม่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย และปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ลดความเสี่ยงอันตรายถ้าในบ้านมีเด็ก ผู้หญิง และคนแก่
- ติดตั้ง UPS(เครื่องสำรองไฟ)